หนังสือทำมือ....เขียนโดยหัวใจ
By Zellda
หน้าพิเศษ :: ‘กุญแจดนตรี’
ผมเคยอ่านเจอในหนังสือ..เค้าว่าคนเรามีประตูในหัวใจหลากหลายบานด้วยกัน..และแต่ละบานก็ตั้งคำถามและมีคำตอบที่แตกต่างกันไป..และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้พบคำตอบของประตูแต่ละบานได้ก็คือ..กุญแจ..
กุญแจรูปร่างหลากหลายที่ไขประตูแต่ละบาน..ทว่าประตูเหล่านั้นจะมีเพียงกุญแจดอกเดียวเท่านั้นที่จะไขมันออก..บางประตูก็คล้ายกันจนไม่อาจรู้ได้ว่ากุญแจดอกไหนจะเป็นกุญแจตัวจริง..กุญแจ..ที่สามารถไขทุกสิ่งในหัวใจ..ให้คำตอบที่บางครั้งก็อาจเชื่อมโยงไปถึงคำถามอีกมากมาย..
ผมไม่รู้ว่าเคยพบเคยเจอกุญแจเหล่านี้ในรูปแบบใดมาแล้วบ้าง..แต่ผมจดจำกุญแจดอกหนึ่งในหมู่กุญแจหลากหลายเหล่านี้ได้..‘กุญแจดนตรี’..จากใครคนหนึ่งที่ไม่ว่าจะอย่างไร..ผมก็ไม่ลืม..
ผมได้รับกุญแจดนตรีดอกนี้จากใครคนหนึ่งในปาร์ตี้วันเกิดของ‘ไอ้โจ’เพื่อนสนิทคนหนึ่งของผม..คนที่ดู(จะ)เรียบร้อยและเรียนเก่งที่สุดในกลุ่ม...หล่อ เท่ห์ รวย...สมองสวย ปัญญาดี ไม่ขี้เก็กและไม่ได้ตาถั่วมาจีบผู้ชายเหมือนใครบางคน (อนึ่ง นี่คือบทเสริมจากเจ้าลูกศรครับ)
งานวันเกิดของโจจัดขึ้นที่คฤหาสน์ของมันเอง..ตัวคฤหาสน์ดูใหญ่โตโอ่อ่าและเพียบพร้อมทุกอย่างราวกับเป็นพระราชวังในหมู่พระราชวังเลยทีเดียว..ผมก็เคยมาบ้านของโจหลายครั้ง แต่ความรู้สึกลึกๆที่บอกว่า ‘คฤหาสน์มันใหญ่ขึ้นรึเปล่าหว่า??’ ก็ยังคงค้างคาอยู่ในใจแม้จะเดินเข้ามาในตัวคฤหาสน์แล้วก็ตาม.. แม้พวกผมจะจัดงานวันเกิดของโจที่นี่ แต่แน่นอนว่าพวกผมไม่ขอรบกวนคุณพ่อคุณแม่ของโจไปมากกว่านี้แล้ว (แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่แล้ว)..ดังนั้นพวกเราก็เลยขนเสบียงมาจากบ้านของตัวเอง สภาพเหมือนไปยกเค้าบ้านใครเค้ามา หรือกำลังหอบผ้าหอบผ่อนหนีเจ้าหนี้มาอย่างไรอย่างนั้น..
พวกเราทักทายกับคุณพ่อคุณแม่ของโจอยู่พักหนึ่งและแนะนำให้พวกท่านรู้จักกับเพื่อนใหม่ของลูกชาย โจเสนอว่าให้พวกผมไปจัดปาร์ตี้กันในห้องนอนของโจซึ่งดูแล้วเหมาะสุดๆเพราะกว้างเอามากๆ..พวกเราแบ่งเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้พาโจออกไปไกลๆห้องและอีกฝ่ายเตรียมงานเลี้ยง (ผมอยู่ฝ่ายจัดงาน) เราได้รับการอนุเคราะห์จากคุณลุงคุณป้าที่เป็นพ่อบ้านแม่บ้านของโจมาช่วยกันเอาลูกโป่งหลากสีสันมาประดับตกแต่งห้องนอนเล็กน้อย และได้ไอศกรีมและขนมหวานแบบที่‘ไอ้กันย์’ชอบจากคุณพ่อคุณแม่ของโจมาเป็นโหลเลยทีเดียว..แถมด้วยเกมส์อีกมากมายอย่างที่ ‘ไอ้ลูกศร’กับ ‘เจ้าแฝดนรก’สองตัวนั้นอยากปล่อยแก่เล่นกันเต็มที่..
สุดท้าย..ที่ขาดไม่ได้คือ โฮมเทียร์เตอร์ ครบชุดขนาดกว้างเท่าผนังห้องที่‘ไอ้หนามเตย’สิงห์คาราโอเกะผู้เฉยชาทำตาวิบวับและหัวเราะหึหึ ทำอิมเมจเทรนนิ่งทันทีที่เห็น (เป็นการแสดงออกว่าชอบอย่างหนึ่งของหนามเตยครับ) ..ทุกคนอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้า เฮฮาปาร์ตี้คล้ายวัยรุ่นติดยาทำนองนั้น..(555+)
ก็เล่นโน่นเล่นนี่กันจนเละนี่นะ..= = (เฮ้ย คนเก็บอยู่ตรงนี้นะเฟ้ย!!!)
พวกแม่บ้านพ่อบ้านของโจไม่ได้เข้ามาร่วมวงด้วย..คุณลุงคุณป้าบอกว่ามันไม่เหมาะไม่ควรนักแม้ว่าจะได้รับการชักชวนจากพวกเราและคุณพ่อคุณแม่ของโจแล้วก็ตาม พวกท่านบอกว่ามันไม่เหมาะและอีกอย่างอายุก็ตั้งปูนนี้แล้ว เตรียมงานเลี้ยงให้คุณหนูโจคงเป็นสิ่งที่พวกท่านช่วยให้คุณหนูมีความสุขได้เท่านั้น ดังนั้นพวกคุณลุงคุณป้าจึงรออยู่ข้างนอกดีกว่า ..
เมื่อแมวไม่อยู่ หนูก็ร่าเริง เพราะงั้นไม่ต้องเดาเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น ในห้องได้ยินแต่เสียงเฮเสียงโห่ของพวกผมขณะกำลังลุ้นว่าแฝดพี่จะปาดหน้าแฝดน้อง หรือแฝดน้องจะดริฟท์โค้งแล้วชนะกันแน่ การแข่งขันยืดเยื้อเหลือเกินครับท่านผู้ชม โจเลยบอกให้พวกคุณลุงคุณป้าไปนอนกันก่อนก็ได้ เดี๊ยวพรุ่งนี้ค่อยจัดการเก็บกวาด..พวกคุณลุงคุณป้ายิ้มบางๆและอวยพรให้คุณหนูของพวกท่านมีความสุขก่อนจะเดินจากไป..
หลังจากที่โจจัดการเป่าเค้กวันเกิดขนาด 6 ปอนด์ (ที่ใหญ่มากๆ) ที่แม่บ้านที่บ้านทำให้เป็นของขวัญวันเกิดและเปิดของขวัญของพวกผมเสร็จแล้ว พวกเราก็เล่นอะไรกันอีกสองสามอย่าง
วันนี้ผมได้ลองของครับ..จิบวิสกี้ไปอึกหนึ่ง..เพราะไอ้กันตัวป่วนที่เอาวิสกี้บ้านพ่อมันมาคะยั้นคะยอให้ดื่ม..ไอ้เวรเอ๊ย! ..(ผมแอบด่าหรอก ไม่งั้นไอ้กันย์ที่เมาหัวราน้ำไม่มีวันปล่อยให้ผมนั่งแหมะอยู่ตรงมุมห้องอย่างนี้แน่)
แต่ผมก็ไม่ถึงกับเมาหรืออะไรมาก.. แค่รู้สึกมึนกับเคลิ้มนิดๆกับบรรยากาศสบายๆแบบนี้..ผมกะว่าจะฟุบหลับไปกับโซฟาที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ แต่พอจินตนาการไปก่อนล่วงหน้าว่าถ้าไอ้พวกบ้านี่มันยัดวิสกี้บ้านพ่อไอ้กันย์เข้าไปหมดล่ะก็ ห้องนอนของโจได้กลายเป็นนรกขนานแท้แน่...คิดแล้วสยอง (แค่นี้ก็สยองแล้ว ไม่อยากจะบรรยายเลยครับว่าภาพไอ้กันย์กำลังร้องเพลงจูบเย้ยจันทร์กับไอ้ลูกศรที่เมาหนักไม่แพ้กันสยดสยองขนาดไหน)
เวลาล่วงเลยผ่านมาจนถึงห้าทุ่มกว่าๆ หลังจากเล่นอะไรเละเทะมาเยอะแล้ว (มีทั้งปาหมอนเล่นวิ่งไล่จับ เล่นอีแก่กินน้ำ หมากรุกแบบไร้กติกา (??) และเล่นเกมส์แข่งรถแบบระห่ำของไอ้ลูกศร)..ก็ถึงเวลา ร้องเพลง.. (แต่นี่ผมกรึ่มๆ ตาจะปิด..ง่วงนิดๆแล้วนะเนี่ย)
แต่ Live Concertก็ยังคงดำเนินต่อไป ดังนั้นเราจึง (ยัดเยียด) ให้โจเจ้าของวันเกิดร้องเพลงเป็นคนแรก (สิงห์คาราโอเกะพก DVD คาราโอเกะส่วนตัวมาด้วย) ไม่นานนักโจก็เลือกเพลงได้ (ขึ้นเมโลดี้มาตัวแรกผมก็รู้เลยเพราะฟังบ่อยจากน้องที่บ้าน)‘ที่ปรึกษา’ของ Golf & Mike ไอ้กันย์ก็เลยแซวไปว่า ‘มึงเป็นที่ปรึกษาให้ใครรึไงวะ’มันไม่ตอบอาจเป็นเพราะพื้นฐานแล้วมันเป็นคนนิ่งๆ (มาดเจ้าชายขี่ม้าขาว) ..แต่พอมันยิ้มกลับมานี่สิ..แสดงว่าคุณหนูโจสุดที่รักของคุณลุงคุณป้าอาจมี ‘คนรักลับ ๆ’ งั้นสิเนี่ย ??
และเนื่องจากแซวมากจนได้เรื่องหรืออะไรก็ไม่รู้ล่ะ (ก็บอกแล้วผมกรึ่ม ๆ ) ไอ้กันย์ก็โดนไอ้เรย์ฉุดกระชากลากคอให้ขึ้นไปบนเวที (อนึ่งเตียงขนาดคิงไซส์ของโจนั่นเอง) ไอ้เชี่ยนี่ร้องเพลง ‘ปากไม่ตรงกับใจ’ของชิน ชินวุฒิ ...ว่าแต่ มันร้องเพราะใช้ได้เลย ตอนจบเพลงน่ะฟอร์มดีอยู่หรอกแต่พอไอ้เตยมันทักว่า ‘มึงน่ะหรอปากไม่ตรงกับใจ กูว่าปากมึงน่ะไม่ตรงกับตีนมากกว่า’..เท่านั้นแหละ ฮาครืนเลย~
ต่อมาก็คือไอ้ลูกศรที่ร้องเพลง ‘ใจเกเร’ของ Nice 2 Miss U.. รู้สึกลูกศรจะจริงจังกับเพลงนี้มาก เพราะบรรยากาศรอบตัวราวกับนักร้องมาเองขนาดนั้น แสดงว่ามันอินกับเพลงมาก พอร้องจบเพลงโจก็เลยแซวต่อว่า ‘แอบรักใครอยู่รึไงลูกศร’..มันก็เลยได้ทำสงครามน้ำลายกับโจ ไล่ฆ่ากันทั่วห้องเลย...แต่ผมว่า..ผมเห็นไอ้ลูกศรแอบอมยิ้มนะ (??)
ส่วนไอ้คู่แฝดนรก... ‘ไอ้เรน’กับ ‘ไอ้ริว’ ไอ้แสบสองตัวนี้ร้องเพลง ‘เมมชื่อฉันว่าคิดถึง’ของ JKI...‘วี๊ด วิ้ว~ พวกมึงมีคนให้คิดถึงด้วยหรอวะเนี่ย’ นั่นแหละ..แซวไปเรื่อย แต่พอดูหน้ามันสองคนกลายเป็นว่าหน้าแดงกันทั้งคู่...อ้าว เฮ้ย! เรื่องจริง (??) ...ไม่ได้พูดเล่น (??) สงสัยคงต้องลองไปดูมือถือมันสองคนซะแล้วว่าเบอร์ใครในเครื่องมันเมมชื่อไว้ว่า ‘คิดถึง’...
ส่วนไอ้เตย..เห็นมันเฉยๆแบบนี้แต่ร้องเพลงได้สุดเพราะเลย..โดยเฉพาะเพลง ‘ความเดิมตอนที่แล้ว’ ของ Zaza..แม้ว่าเสียงต้นฉบับจะหวานซึ้ง แต่ผมว่าหนามเตยสามารถถ่ายทอดมันออกมาได้หวานกว่ามากนักราวกับอารมณ์ลึกๆภายใต้ใบหน้าเฉยชานั่นแทรกซึมไปกับเสียงร้องและความหมายของเพลง..พวกเราก็เลยอดแซวไอ้เตยมันไม่ได้.. ‘ฮั่นแน่ๆ~..มึงไปมีความเดิมตอนที่แล้วกับใครวะไอ้เตย’
...และนี่..เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้เห็นใบหน้าเฉยชาของหนามเตยแดงก่ำ...
ใบหน้าเฉยชาเวลาแต้มสีแดงๆนั่นพอดูแล้วทำให้ผมเกือบสร่างเมาได้เลยนะ ราวกับ..คนที่กำลัง..มีความรักที่แสนหวานแต่..ไม่กล้าเอ่ยออกมา..
หรือผมจะตาฝาดไปหว่า ?? แต่ผมไม่ได้เป็นคนแซวจนหนามเตยหน้าแดงหรอกนะครับ
อยากจะเปิดโปงผู้ร้าย ตัวต้นตัวตีตัวจริงว่ามันคือ ไอ้เรย์กับไอ้กันย์ เนี่ยล่ะ...หลังจากเฮฮาไปซักพัก ผมก็ชักจะล่องลอยไปกับบรรยากาศของงานซะแล้วสิ เพราะทั้งห้องปิดไฟทำ Live Concert เหลือแต่ตรงเตียง (เวที) ที่มีไฟสปอตไลท์ส่องเท่านั้น (ไปเอามาจากไหนวะ ?? อ๋อ..แสงไฟจากจอโทรทัศน์เครื่องใหญ่นั่นน่ะเอง)
ผมแทบจะนอนกองบนโซฟาเป็นงูเหลือมง่วงนอนไปแล้วถ้าหากตอนนั้นไม่ได้เห็นร่างสูงๆของ ไอ้เรย์ กระโดดขึ้นไปบนเวที ใบหน้าคม ๆ แดงนิด ๆ คงเพราะฤทธิ์ของวิสกี้เพียว ๆ สองแก้วนั่นแต่ยังกับมันไม่เพิ่มเสน่ห์ของไอ้เรย์ให้ทะลุพิกัดซะอย่างนั้น (เฮ้อ..ได้แต่อิจฉา~)
♪ ♪ ♪ ♪ ♪ ♪ ♪ ♪
ท่ามกลางเสียงเฮฮาหัวเราะของพวกผม พอหัวโจกจัดงานขึ้นไปยืนอย่างมึน ๆ บนที่นอนขนาดคิงไซส์ของโจอย่างถือสิทธิ์ (คือที่พวกเราสมมติเอาว่ามันเป็นเวที) พร้อมกับไมค์และรีโมทกดเลือกเพลง..พวกเราจ้องมองและหยุดนิ่งฟังเพลงที่ไอ้เรย์กำลังจะร้องต่อจากนี้..เพราะสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัวของเรย์ส่องประกายเหลือเกิน และประกายเหล่านั้นนั่นแหละที่สะกดให้พวกเราหันมาจับจ้องและหยุดการกระทำในตอนนั้นทั้งหมดเมื่อโน้ตดนตรีตัวแรกเปล่งออกมา..
...คีย์ดนตรีเสียงสูงดังขึ้นก่อนจะเว้นช่วงแล้วขึ้นต้นด้วยเสียงของเปียโนที่ดังขึ้นทีละตัวโน๊ตอย่างช้าๆ..ไอ้เรย์ร้องเพลงช้าอย่างนั้นหรือ ?? (ปกติร้องเพลงเร็ว ๆ นี่หว่า ??)
“รู้ตัว...รึเปล่า เธอทำอะไรให้ชีวิตของฉัน”
“มากมาย...เท่าไหร่ ที่ได้จากการที่มีเธอเคียงข้างกัน”
เสี้ยวหน้าที่กระทบแสงไฟดูมีเสน่ห์ ลึกลับน่าค้นหาจนเราอดไม่ได้ที่จะหยุดนิ่งจ้องมองริมฝีปากได้รูปที่ขยับร้องตามเนื้อเพลงที่ขึ้นบนจอภาพ...
เสียงของไอ้เรย์เป็นเสียงที่มีเสน่ห์จริงๆนั่นแหละ..
“เป็นความอบอุ่นในหัวใจ ....เป็นความยิ่งใหญ่ของทุกวัน
....เป็นจุดมุ่งหมายและเรี่ยวแรงใจอันสำคัญ....”
เสียงร้องเว้นช่วงไว้...ดวงตาคู่นั้นดูมีประกายอย่างน่าประหลาด
สายตา...ที่ผมดูไม่ออกว่ามันบอกอะไรจากมุมห้องที่นั่งอยู่
ในดวงตาคู่สวยนั้น...มีความหมายของอะไรบางอย่างที่ผมดูไม่ออก
“เพราะว่าเธอนั้นคือดวงใจของฉัน ...ที่ทำให้ทุกๆวันฉันเดินสู้ต่อ ต้องล้มและลุกเท่าไหร่ไม่เคยจะท้อ ไม่เคยหวั่นไหว ...ขอเพียงยังมีเธออยู่ด้วยกัน ...ตลอดไป”
เมโลดี้คั่นกลางเว้นช่วงเนื้อร้องด้วยเสียงของเปียโน...เสียงที่ไพเราะ แต่กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง..ไอ้เรย์หันมายิ้ม..ยิ้มมุมปากอย่างที่เป็นแบบฉบับของมันมาจนถึงทุกวันนี้..ยิ้มแล้วจ้องมองมาตรงหน้าพวกเรา..หรือจะเป็น..ตรงที่ผมนั่งอยู่..รึเปล่านะ
ดวงตาคู่นั้นยังคงจับจ้องมา...แต่ผมจะคิดไปเองรึเปล่าล่ะ ??
ก็แค่ไอ้เรย์มันมองมาทางนี้ซะมากกว่า ...มันคงจะ...มองคนอื่น
“รู้สึกรึเปล่า... เธอเติมอะไรให้วันคืนเหล่านั้น...”
ถามอย่างนี้ได้ยังไง
“เนิ่นนานเท่าไหร่ ....ได้สุขจากการที่มีเธออยู่ใกล้กัน”
ก็ต้องมีความสุขสิ..ได้แกล้งกู ใช้กูทุกวันนี่
“เป็นความอบอุ่นในหัวใจ ...เป็นความยิ่งใหญ่ของทุกวัน
....เป็นจุดมุ่งหมายและเรี่ยวแรงใจอันสำคัญ”
จะ..จริงหรอ ? ...
“เพราะว่าเธอนั้นคือดวงใจของฉัน ...ที่ทำให้ทุกๆวันฉันเดินสู้ต่อ
ต้องล้มและลุกเท่าไหร่ไม่เคยจะท้อ ไม่เคยหวั่นไหว ...
ขอเพียงยังมีเธออยู่ด้วยกัน ... ตลอดไป ...”
เสียงเพลงที่ร้องไปตามทำนองเพลงจากโฮมเทียร์เตอร์ทำให้บรรยากาศรอบข้างหยุดนิ่ง..เวลาที่จ้องมอง..ดวงตาและน้ำเสียงของมันราวกับจะสื่อถึงความหมายที่อยู่ในเพลง
ดวงตาพร่าเบลอยิ่งทำให้ภาพตรงหน้าดูเป็นประกายกว่าครั้งไหนๆ..
ใบหน้าร้อนผะผ่าวสูบฉีดเลือดรุนแรงราวจากหัวใจจนมันเต้นผิดจังหวะ รัวเร็วราวกับกลองกัมปนาทก้องอยู่ในหูแต่กลับไม่รู้สึกวิงเวียนหรือรำคาญเลยซักนิด..ร่างกายพลุกพล่านและใบหน้าร้อนไปโดยไม่รู้ตัวเมื่อสายตาคู่นั้นกวาดมองมาทางผู้ชมของตัวเอง..
ผมใจเต้น..ในหัวได้ยินจังหวะการเต้นของหัวใจตัวเอง..
“เพราะว่าเธอนั้นคือดวงใจของฉัน ...ที่ทำให้ทุกๆวันฉันเดินสู้ต่อ
ต้องล้มและลุกเท่าไหร่ไม่เคยจะท้อ ไม่เคยหวั่นไหว...”
นี่ผมเป็นอะไรไป ?? ..ความรู้สึกแปลกๆในอกลิงโลดกระโดดไปพร้อมกับจังหวะหัวใจที่รัวเร็วราวกับกลองนั่น.. หรือจะเป็นเพราะฤทธิ์ของวิสกี้ที่ทำให้เป็นแบบนี้กัน?
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร...ไม่ว่าร่างกายจะรู้สึกราวกับถูกทรมานให้อยู่ในห้วงเวลาแสนหวาน ผมก็ไม่อาจ...ละสายตาได้เลย... ร่างกายก็ราวกับจะลืมเสียงหัวใจของตัวเองไปในตอนนั้น
“เพราะว่าเธอนั้นคือดวงใจของฉัน ...ที่ทำให้ทุกวันฉันเดินสู้ต่อ
ต้องล้มและลุกเท่าไหร่ไม่เคยจะท้อ ไม่เคยหวั่นไหว...”
ความเข้มแข็งพวกนั้น มาจาก..ผมหรอ ??
..เสียงดนตรีทำให้ผมเผลอคิดอะไรบ้าๆออกไป...
ถ้าน้ำเสียงที่นุ่มนวลนั้นกำลังพูดกับผมผ่านเนื้อเพลงและท่วงทำนองดนตรีเหล่านั้น
ถ้าหากมันเป็นจริง..ซักครั้ง..หรือซักแค่เนื้อเพลงท่อนเดียวจากเพลงนั้นที่หัวใจคิดถึงคนๆนี้
ไม่ผิดใช่ไหม ...ที่แม้เวลาเพียงเสี้ยวของนาที
ที่ผมจะคิดเข้าข้างตัวเอง...ว่ามันร้องเพลงนี้ให้ผม...
ใช่ไหม...เรย์
“...ขอเพียงยังมีเธออยู่ด้วยกัน ...
ขอเพียงยังมีเธอเคียงข้างฉัน ...
ขอเพียงแค่เราอยู่ใกล้กัน...”
“...ฉันก็สุขใจ...”
เสียงเพลงจบลงที่โน้ตดนตรีตัวสุดท้ายอย่างสวยงาม...และความรู้สึกมากมายที่เอ่อล้นมาจากหัวใจ..ราวกับประตูในหัวใจได้ถูกเปิดออกเมื่อโซ่ตรวนที่พันธนาการความรู้สึกแปลกๆนั่นเอาไว้ถูกไขด้วยกุญแจดอกสำคัญ ไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกนี้เรียกว่าอะไร..และไม่เคยรู้มาก่อนว่าความรู้สึกเป็นสุขใจขนาดนี้กลับอยู่ตรงหน้าตลอดมา..ความรู้สึกที่วิเศษ..ราวกับว่าได้ปลดปล่อยบางอย่างจากเครื่องจองจำที่ตรึงมันเอาไว้ในความมืดมิดให้โผเข้าหาแสงสว่าง
ผมยิ้มอย่างมีความสุขกับความรู้สึกที่มันคับแน่นอยู่ที่อก..สุขใจเหลือเกิน
...ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายที่วันนี้ผมได้มานั่งอยู่ตรงนี้..ได้มาปาร์ตี้วันเกิดโจในวันนี้
ถ้าคิดดีๆ..โชคร้ายก็คือ หลังจากมหกรรมเละแห่งปีครั้งนี้จบลง ผมต้องเป็นคนเก็บกวาด
แต่ โชคดี ก็คือ ได้มีเวลาคิดไร้สาระเข้าข้างตัวเอง เพื่อให้ตัวเรามีความสุขกับความเพ้อฝันแบบเด็ก ๆ ที่คงไม่มีทางเป็นจริง.. เห็นแก่ตัว เอาแต่ใจ ไร้สติ ฉลาด อวดดี ลีอกมากมายสารพัดสรรพคุณที่อยู่ในตัวเรย์น่ะหรอจะมีที่เหลือพอให้สร้างความรู้สึกดี ๆ แบบนี้ให้ผมได้
ถึงการเล่นสนุกเหมือนทุก ๆ ครั้งในงานวันเกิดของแต่ละคนจะคล้ายๆกันและแทบจะไม่ได้อะไรไปเลยนอกจากความสนุกสนาน ครื้นเครง เฮฮา...
แต่อย่างน้อย...เพียงแค่ผมได้ยินเพลงนี้...ไม่ว่าไอ้เรย์จะร้องให้ใครก็ตาม
มันทำให้ผมรู้ถึงความรู้สึกบางอย่าง...ความรู้สึกที่บ่งชี้ชัดเจนด้วยถ้อยคำและน้ำเสียงนุ่มนวลที่ทำให้ผมแอบคิดเข้าข้างตัวเองลึก ๆว่าความหมายในเพลงที่ไอ้เรย์ร้อง...เป็นสิ่งที่มันอยากจะบอกกับผมตลอดมา..บอกว่า.. เมื่อเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน...มันมีความสุขมากแค่ไหน บอกว่าผมเป็นคนมอบความอบอุ่นและกำลังใจให้มัน ..ทำให้สามารถลุกขึ้นจากที่ล้มลงได้เช่นเดียวกับที่มันเติมเต็มความอบอุ่นและกำลังใจให้ผม...
และบอกว่า...ผมมีค่า...มีค่าและสำคัญกับมันแค่ไหน
เดี๊ยว ๆ!!!!!!!
เฮ้ย!!!...อย่างนี้มันก็เหมือนกับ...คนรักเลยน่ะสิฟะ!!!
¤ ¤ ¤ ¤ ¤ ¤
ปวด ... หัว ...
..จำ ...ไม่ได้เลยว่า ... หลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่...
แต่พอรู้ตัวอีกที...เช้าวันอาทิตย์ก็มาเยือนแสงแดดสาดส่องลอดผ่านร่องผ้าม่านสีนวล อากาศรอบๆยังคงหนาวเย็น แต่ภายในกลับอบอุ่นด้วยอ้อมกอดที่โอบอุ้มผมไว้จากด้านหลังด้วยความอ่อนโยน ถะนุถนอม..
ใบหน้าคมคายที่เกยอยู่บนไหล่ของผมพริ้มหลับ ไม่บ่อยนักที่ผมจะตื่นก่อนคน ๆ นี้..ความที่เราอยู่ด้วยกันมาตลอดรึเปล่า ผมถึงไม่เคยสังเกตเลยว่าความเข้มแข็งที่แสดงออกมามีเบื้องหลังคือความเหน็ดเหนื่อยและความพยายามสุดแสนของอีกฝ่าย ยามหลับ..เรย์คือคนธรรมดาคนหนึ่งที่รู้สึกทุกข์ รู้สึกสุข รู้สึกเศร้าและเหงาเป็นเท่านั้น ที่ไม่เปลี่ยนไปคือความอบอุ่นที่มอบให้เสมอมาจากวงแขนที่โอบล้อมเบา ๆ นั้น ...
...อ้อมกอดอบอุ่นของเรย์...
รู้สึกสับสนในตัวเองอย่างแรงเลยแฮะ..
อยากรู้จริงๆว่า ‘กุญแจดนตรี’ดอกเมื่อวาน... จะไขอะไรในหัวใจผมกันนะ ??
ฉบับ rewrite เป็นอย่างไรบ้าง เชิญติชมครับ
หน้าพิเศษ rewrite 8 หน้ากว่านี้อ่านแล้วแล้วทะแม่ง ๆ รึเปล่าครับ?? ลองจับมาเปลี่ยนอะไรนิดหน่อย ตอนแรกผมกะจะเปลี่ยนแค่ภาษาให้มันดูนุ่มนวลและลื่นไหลมากกว่านี้ครับ แต่ไหงกลายเป็นมันเปลี่ยนเกือบหมดอย่างนี้ล่ะ = = น่าพิศวงนะครับ.. เหมือนตกอยู่ในภวังค์ชั่วขณะ เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองนั่งจ้องคอม ฯ มาเกือบสิบนาทีครับ ปวดตา!!! (ไม่เกี่ยวกันเล้ย)แต่ฉากและเนื้อหายังเหมือนเดิมครับ เพียงแต่เพิ่มรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ นิดหน่อย
นี่ผมอาจตัดสินใจผิดก็ได้ที่ rewrite ตอนนี้ แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อผมก็มานั่งปรับจนเสร็จแล้วนี่นา ขอลงแก้ไขเลยละกันครับ จะดูผลว่ามันเป็นยังไงเท่านั้นเองครับ ถ้าดีหรือไม่ดีอย่างไรก็ค่อยว่ากันอีกที ขอบคุณครับ..
Zellda
3 / 4 / 2009
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น